การสมัครและขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40
ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบ ประเภทของประโยชน์ทดแทน ตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของบุคคลซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตน พ.ศ.2561 และพระราชกฤษฎีกากำหนดคุณสมบัติของบุคคลซึ่งอาจสมัครเข้าเป็นผู้ประกันตน พ.ศ. 2561 มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2563 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน 2563 นั้น
1. คุณสมบัติของผู้สมัคร
1.1 มีสัญชาติไทย หรือ
1.2 เป็นชนกลุ่มน้อยซึ่งอพยพเข้ามาอาศัยในประเทศไทย โดยมีมติคณะรัฐมนตรีผ่อนผันให้อาศัยอยู่ในประเทศไทยได้เป็นการชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ ที่มีบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย โดยเลขประจำตัวหลักแรกเป็นเลข 6 หรือ เลข 7 หรือ
1.3 เป็นบุคคลซึ่งไม่มีสัญชาติไทยที่ได้รับการผ่อนผันให้อาศัยอยู่ในประเทศไทยได้เป็นการชั่วคราวเพื่อรอการส่งกลับที่มีบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย โดยเลขประจำตัวหลักแรกเป็นเลข 0 ทั้งนี้ ไม่รวมถึงกรณีที่มีบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยแต่มีเลขประจำตัวหลักแรกและหลักที่สองเป็นเลข 0 (00)
1.4 ผู้สมัครต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน 65 ปีบริบูรณ์
1.5 ไม่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39
1.6 ไม่เป็นสมาชิกของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการกรุงเทพมหานคร กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น หรือไม่เป็นสมาชิกกองทุนของรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่นของรัฐ ที่มีลักษณะอย่างเดียวกับกองทุนบำเหน็จบำนาญของส่วนราชการ รวมทั้งไม่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ภายใต้บังคับตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการกรุงเทพมหานคร หรือกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น
1.7 หากเป็นบุคคลซึ่งเป็นผู้พิการ ให้ระบุลักษณะหรืออาการของผู้พิการโดยละเอียด (ยกเว้น ผู้พิการทางสติปัญญาและผู้พิการที่ไม่อาจรับรู้สิทธิที่พึงจะได้รับจากการเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ไม่สามารถสมัครและขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ได้)
**** หมายเหตุ ข้าราชการบำนาญสามารถสมัครเป็นผู้ประกันตนตามาตรา 40 แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 ได้ เนื่องจากข้าราชการบำนาญพ้นจากการเป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการกรุงเทพมหานคร กองทุนบำเหน็จบำนาญส่วนท้องถิ่น และไม่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่อยู่ภายใต้บังคับตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
2. หลักฐานการสมัคร
2.1 บัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรอื่นที่ทางราชการออกให้แทนบัตรประจำตัวประชาชน
2.2 แบบคำขอสมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 (สปส.1-40) กรณีไม่สามารถลงลายมือชื่อได้ ให้ใช้ การประทับลายนิ้วมือแทนการลงชื่อและให้มีผู้รับรองลายมือชื่อจำนวน 2 คน
3. สถานที่ในการสมัคร
3.1 สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ สำนักงานประกันสังคมจังหวัด/สาขา ทุกแห่งทั่วประเทศ(ยกเว้นสำนักงานใหญ่)
3.2 เว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม http://www.sso.go.th
3.3 สมัครผ่านเครือข่ายประกันสังคมทั่วประเทศ
3.4 สมัครผ่านสายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506
3.5 ระบบ e-Self Service
3.6 แอปทางรัฐ
3.7 Application SSO Plus
3.8 เคาน์เตอร์เซอร์วิส เซเว่น อีเลฟเว่น (7-11)
3.9 เคาน์เตอร์ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
4. ทางเลือกในการจ่ายเงินสมทบประกันสังคมมาตรา 40 มี 3 ทางเลือก ดังนี้
ทางเลือกที่ 1 จ่ายเงินสมทบ 70 บาท/เดือน
สิทธิประโยชน์คุ้มครอง 3 กรณี คือ กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณีทุพพลภาพ กรณีตาย
ทางเลือกที่ 2 จ่ายเงินสมทบ 100 บาท/เดือน
สิทธิประโยชน์คุ้มครอง 4 กรณี คือ กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณีทุพพลภาพ กรณีตาย และกรณีชราภาพ
ทางเลือกที่ 3 จ่ายเงินสมทบ 300 บาท/เดือน
สิทธิประโยชน์คุ้มครอง 5 กรณี คือ กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณีทุพพลภาพ กรณีตาย กรณีชราภาพ และกรณีสงเคราะห์บุตร
หมายเหตุ :
1) ผู้ประกันตนสามารถจ่ายเงินสมทบงวดปัจจุบัน และงวดล่วงหน้าได้ 12 เดือน แต่ไม่สามารถจ่ายย้อนหลังได้
2) ผู้ประกันตนทางเลือกที่ 2 และทางเลือกที่ 3 สามารถจ่ายเงินสมทบเพิ่มเติม (ออมเพิ่ม) ได้ไม่เกิน 1,000 บาท ต่อเดือน
3) กำหนดให้รัฐบาลร่วมจ่ายเงินสมทบให้ผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ไม่เกินกึ่งหนึ่งของเงินสมทบที่ได้รับ จากผู้ประกันตน
5. ช่องทางการชำระเงินสมทบประกันสังคมมาตรา 40
ช่องทางที่ 1 หักบัญชีเงินฝากธนาคาร จำนวน 8 ธนาคาร ดังนี้
1. ธนาคาร กรุงไทย จำกัด (มหาชน)
2. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
3. ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) 4. ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
5. ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
6. ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
7. ธนาคาร ออมสิน
8. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร โดยธนาคารจะหักเงินจากบัญชีเงินฝากประเภทออมทรัพย์ของผู้ประกันตนตามมาตรา 40 เฉพาะงวดเดือนปัจจุบัน ทุกวันที่ 20 ของทุกเดือน หากวันที่ 20 ตรงกับวันหยุดราชการ ธนาคารจะดำเนินการหักบัญชีในวันทำการถัดไป
ช่องทางที่ 2 ผ่านเคาน์เตอร์ธนาคาร จำนวน 3 ธนาคาร ดังนี้
1. ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
2. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
* ทั้ง 2 ธนาคาร รับชำระเงินสมทบงวดเดือนปัจจุบันพร้อมเงินสมทบเพิ่มเติม (ถ้ามี) ไม่เกินเดือนละ 1,000 บาท (ไม่รับชำระเงินสมทบล่วงหน้า)
3. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร รับชำระเงินสมทบงวดเดือนปัจจุบัน พร้อมเงินสมทบเพิ่มเติม (ถ้ามี) ไม่เกินเดือนละ 1,000 บาท และสามารถรับชำระเงินสมทบล่วงหน้าได้ไม่เกิน 12 งวดเดือน *การชำระเงินผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารผู้ประกันตนจะได้รับใบเสร็จรับเงินทันที
ช่องทางที่ 3 ผ่านเคาน์เตอร์หน่วยบริการ จำนวน 5 แห่ง ดังนี้
1. เคาน์เตอร์เซอร์วิส รับชำระเงินสมทบงวดเดือนปัจจุบัน และงวดล่วงหน้าได้ไม่เกิน 12 งวดเดือน พร้อมเงินสมทบเพิ่มเติม (ถ้ามี) ไม่เกินเดือนละ 1,000 บาท
2. เคาน์เตอร์โลตัส รับชำระเฉพาะเงินสมทบงวดเดือนปัจจุบัน
*การชำระเงินสมทบผ่านช่องทางตามข้อ 1-2 ผู้ประกันตนจะได้รับใบเสร็จรับเงินทันที
3. เคาน์เตอร์บุญเติม Bill Payment รับชำระเงินสมทบงวดเดือนปัจจุบัน พร้อมเงินสมทบเพิ่มเติม (ถ้ามี) ได้ไม่เกินเดือนละ 1,000 บาท และสามารถรับชำระเงินสมทบล่วงหน้าได้ไม่เกิน 12 งวดเดือน
4. เคาน์เตอร์ Cenpay Powered by บุญเติม รับชำระเงินสมทบงวดเดือนปัจจุบัน พร้อมเงินสมทบเพิ่มเติม (ถ้ามี) ได้ไม่เกินเดือนละ 1,000 บาท และสามารถรับชำระเงินสมทบล่วงหน้าได้ไม่เกิน 12 งวดเดือน
5. ตู้บุญเติม รับชำระเงินสมทบงวดเดือนปัจจุบัน และสามารถรับชำระเงินสมทบล่วงหน้าได้ไม่เกิน 12 งวดเดือน (ยกเว้น ตู้บุญเติมที่ตั้งอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ (7-eleven) ไม่สามารถรับชำระเงินสมทบได้)
* ข้อ 3-5 ผู้ประกันตนจะได้รับใบแทนใบเสร็จรับเงินจากหน่วยบริการ ซึ่งผู้ประกันตนสามารถพิมพ์ใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) ได้ด้วยตนเองจากเว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม http://www.sso.go.th/erc ในวันถัดจากวันที่ชำระเงินตั้งแต่เวลา 12.00 น. เป็นต้นไป ช่องทางที่ 4 ผ่านระบบเว็บไซต์ (www.sso.go.th)
ผู้ประกันตนตามมาตรา 40 สามารถชำระเงินสมทบงวดเดือนปัจจุบันและงวดล่วงหน้าได้ไม่เกิน 12 งวดเดือน ผ่านระบบ e-Self Service (บริการ Cross Bank Bill Payment) โดยใช้ Mobile Application ธนาคารในการแสกนจ่าย QR Code
*ผู้ประกันตนสามารถจัดเก็บ slip การชำระเงินเพื่อเป็นหลักฐาน และสามารถพิมพ์ใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) ได้ด้วยตนเองจากเว็บไซต์สำนักงานประกัน สังคม http://www.sso.go.th/erc ได้ทันทีหลังจากชำระเงินเรียบร้อยแล้ว
ช่องทางที่ 5 ผ่าน Mobile Application
1. Application ShopeePay/Shopee รับชำระเงินสมทบ งวดเดือนปัจจุบัน และงวดล่วงหน้าได้ไม่เกิน 12 งวดเดือน พร้อมเงินสมทบเพิ่มเติม (ถ้ามี) ไม่เกินเดือนละ 1,000 บาท
*ผู้ประกันตนสามารถจัดเก็บ slip การชำระเงินเพื่อเป็นหลักฐาน และสามารถพิมพ์ใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) ได้ด้วยตนเองจากเว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม http://www.sso.go.th/erc ในวันถัดจากวันที่ชำระเงิน ตั้งแต่เวลา 12.00 น. เป็นต้นไป
2. Application Krungthai NEXT รับชำระเงินสมทบ งวดเดือนปัจจุบัน และงวดล่วงหน้าได้ไม่เกิน 12 งวดเดือน พร้อมเงินสมทบเพิ่มเติม (ถ้ามี) ไม่เกินเดือนละ 1,000 บาท
3. Application BAAC Mobile รับชำระเงินสมทบงวดเดือนปัจจุบัน และงวดล่วงหน้าได้ไม่เกิน 12 งวดเดือน พร้อมเงินสมทบเพิ่มเติม (ถ้ามี) ไม่เกินเดือนละ 1,000 บาท
*ข้อ 2และ3 ผู้ประกันตนสามารถจัดเก็บ slip การชำระเงินเพื่อเป็นหลักฐาน และสามารถพิมพ์ใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) ได้ด้วยตนเองจากเว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม http://www.sso.go.th/erc ได้ทันที หลังจากชำระเงินเรียบร้อยแล้ว
ช่องทางที่ 6 สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/สำนักงานประกันสังคมจังหวัด/สาขา รับชำระเงินสมทบงวดเดือนปัจจุบัน และงวดล่วงหน้าได้ไม่เกิน 12 งวดเดือน พร้อมเงินสมทบเพิ่มเติม (ถ้ามี) ไม่เกินเดือนละ 1,000 บาท *ผู้ประกันตนจะได้รับใบเสร็จรับเงินทันที
หมายเหตุ
1. การจ่ายเงินสมทบผ่านช่องทางเคาน์เตอร์ โปรดแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ชัดเจนว่าต้องการจะจ่ายเงินสมทบล่วงหน้าหรือจ่ายเงินออมเพิ่มเติม เพื่อป้องกันการจ่ายเงินผิดพลาด
2. หากงวดเดือนใดไม่ได้ส่งเงินสมทบ จะไม่สามารถส่งเงินสมทบย้อนหลังได้
3. เงินสมทบที่ผู้ประกันตนตามมาตรา 40 จ่าย สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้
4. ผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ไม่ถูกตัดสิทธิรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
6. การแจ้งเปลี่ยนแปลงข้อมูล
6.1 เมื่อเป็นผู้ประกันตนแล้ว หากมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูล เช่น เปลี่ยนคำนำหน้านามชื่อ - สกุล ที่อยู่ที่ติดต่อ เปลี่ยนแปลงสำนักงานประกันสังคมรับผิดชอบ หรือเปลี่ยนทางเลือกจ่ายเงินสมทบ เป็นต้น ให้ยื่นแบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงหรือทางเลือกการจ่ายเงินสมทบผู้ประกันตนตามมาตรา 40 (สปส.1-40/1) พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้อง
6.2 กรณีขอเปลี่ยนทางเลือกการจ่ายเงินสมทบจะทำได้ปีละ 1 ครั้ง โดยเมื่อยื่นขอเปลี่ยนแปลงทางเลือกแล้ว จะมีผลในเดือนถัดไป
6.3 หากไม่ประสงค์เป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 ต่อไป (ลาออก) ให้ยื่นแบบแจ้งความจำนงไม่ประสงค์เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 (สปส.1-40/2)