พระราชบัญญัติประกันสังคม ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2558

08 กุมภาพันธ์ 2561

วันที่ 22 มิถุนายน 2558 พระราชบัญญัติประกันสังคม ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2558 ได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มีการเพิ่มเติมในส่วนของสิทธิประโยชน์ทดแทนที่มีอยู่เดิม ซึ่งจะทำให้ผู้ประกันตนได้รับประโยชน์เพิ่มมากขึ้น โดยพระราชบัญญัติฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้ภายใน 120 วัน นับตั้งแต่วันที่ประกาศ  ตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2558 ดังนี้

  • กรณีผู้ประกันตนจงใจให้ตนเองได้รับบาดเจ็บ ทุพพลภาพ หรือตาย โดยไม่ใช่ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงาน
ประโยชน์ทดแทนเดิม 
สิทธิประโยชน์ทดแทนใหม่ 
 ไม่ได้รับความคุ้มครอง กรณีผู้ประกันตนจงใจทำให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บ ทุพพลภาพ หรือตาย         
มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนหากผู้ประกันตนจงใจทำให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บ ทุพพลภาพ ตาย หรือยินยอมให้ผู้อื่นก่อให้เกิดขึ้น
  • กรณีผู้ประกันตนประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย
ประโยชน์ทดแทนเดิม 
สิทธิประโยชน์ทดแทนใหม่ 
มีสิทธิได้รับเฉพาะค่าตรวจวินิจฉัยโรค ค่าบำบัดทางการแพทย์ ค่ากินอยู่และรักษาพยาบาลในสถานพยาบาล ค่ายา และค่าเวชภัณฑ์ ค่ารถพยาบาล หรือค่าพาหนะรับส่งผู้ป่วยได้รับค่าส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคและค่าใช้จ่ายเป็นเงินช่วยเหลือเบื้องต้น ในกรณีได้รับความเสียหายจากการรับบริการทางการแพทย์                                                                                        
  • กรณีทุพพลภาพ

          ผู้ทุพพลภาพอยู่ก่อนวันที่ 31 มีนาคม 2558
ประโยชน์ทดแทนเดิม 
สิทธิประโยชน์ทดแทนใหม่ 
        ได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ 15 ปี      
          ได้รับเงินทดแทนการขายรายได้ตลอดชีวิต       


          ผู้ทุพพลภาพหลังจากวันที่ 31 มีนาคม 2558 เป็นต้นไป

ประโยชน์ทดแทนเดิม 
สิทธิประโยชน์ทดแทนใหม่ 
ต้องสูญเสียสมรรถภาพของร่างกายร้อยละ 50 ถึงจะมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน
ไม่ต้องสูญเสียสมรรถภาพของร่างกายร้อยละ 50 ก็มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน  
  • กรณีเป็นผู้เจ็บป่วยเรื้อรังและทุพพลภาพ
ประโยชน์ทดแทนเดิม 
สิทธิประโยชน์ทดแทนใหม่ 
 ไม่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีตาย                   
 ได้รับสิทธิประโยชน์กรณีตาย แม้ส่งเงินสมทบไม่ครบตามสิทธิ          
  • กรณีเสียชีวิต

          แยกเป็น 2 กรณี คือ กรณีส่งเงินสมทบมาแล้ว 36 เดือน แต่ไม่ถึง 120 เดือน และกรณีที่ส่งเงินสมทบมาแล้ว 120 เดือนขึ้นไป

          กรณีที่ 1 ส่งเงินสมทบมาแล้ว 36 เดือน (3 ปี) แต่ไม่ถึง 120 เดือน (10 ปี)
ประโยชน์ทดแทนเดิม 
สิทธิประโยชน์ทดแทนใหม่ 
 หากผู้ประกันตนถึงแก่ความตาย ให้จ่ายเงินสงเคราะห์เป็นจำนวนเท่ากับค่าจ้าง 1.5 เดือน               
 หากผู้ประกันตนถึงแก่ความตาย ให้จ่ายเงินสงเคราะห์เท่ากับ 50% ของค่าจ้างรายเดือน คูณด้วย 4 (เท่ากับค่าจ้างประมาณ 2 เดือน)           

          กรณีที่ 2 ส่งเงินสมทบมาแล้วมากกว่า 120 เดือน (10 ปี)

ประโยชน์ทดแทนเดิม 
สิทธิประโยชน์ทดแทนใหม่ 
หากผู้ประกันตนถึงแก่ความตายให้จ่ายเงินสงเคราะห์เท่ากับค่าจ้างเฉลี่ย 5 เดือน              
หากผู้ประกันตนถึงแก่ความตายให้จ่ายเงินสงเคราะห์เท่ากับ 50% ของค่าจ้าง คูณด้วย 12 (เท่ากับค่าจ้างประมาณ 6 เดือน) 
  • กรณีคลอดบุตร
ประโยชน์ทดแทนเดิม 
สิทธิประโยชน์ทดแทนใหม่ 
- มีสิทธิเบิกค่าคลอดบุตรได้ไม่เกิน 2 ครั้ง เหมาจ่ายครั้งละ 13,000 บาท

- ได้รับเงินสงเคราะห์การหยุดงาน 90 วัน             
- มีสิทธิเบิกค่าคลอดบุตรได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ครั้งละ 13,000 บาท

- เงินสงเคราะห์การหยุดงาน 90 วัน ไม่เกิน 2 ครั้ง สำหรับผู้ประกันตนหญิง            
  •  กรณีสงเคราะห์บุตร
ประโยชน์ทดแทนเดิม 
สิทธิประโยชน์ทดแทนใหม่ 
มีสิทธิเบิกค่าสงเคราะห์บุตรอายุ 0-6 ปี ได้คราวละไม่เกิน 2 คน เหมาจ่ายรายเดือน เดือนละ 400 บาทต่อคน         
 มีสิทธิเบิกค่าสงเคราะห์บุตรอายุ 0-6 ปี ได้คราวละไม่เกิน 3 คน เหมาจ่ายรายเดือน เดือนละ 400 บาทต่อคน         
  • กรณีว่างงาน
ประโยชน์ทดแทนเดิม 
สิทธิประโยชน์ทดแทนใหม่ 
- ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับเมื่อถูกเลิกจ้างหรือลาออก                                                      
- ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับเมื่อว่างงาน กรณีนายจ้างหยุดกิจการชั่วคราว เนื่องจากเหตุสุดวิสัยโดยยังไม่มีการเลิกจ้าง เช่น กรณีสถานประกอบการถูกน้ำท่วม                                                 
  • กรณีชราภาพ (เงินบำเหน็จชราภาพ)
ประโยชน์ทดแทนเดิม 
สิทธิประโยชน์ทดแทนใหม่ 
- จ่ายให้ทายาทตามกฎหมายเท่านั้น คือ บิดา มารดา บุตร และคู่สมรส

- บุคคลที่ไม่ใช่ทายาทตามกฎหมาย ไม่มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชราภาพ

- ผู้ประกันตนไม่อาจทำหนังสือระบุให้บุคคลอื่นรับเงินบำเหน็จชราภาพได้

- หากผู้ประกันตนไม่มีทายาท เงินบำเหน็จชราภาพจะตกเป็นของกองทุน                                                     
- ผู้ประกันตนสามารถทำหนังสือระบุให้บุคคลอื่นรับเงินบำเหน็จชราภาพไว้ล่วงหน้าได้ โดยมีสิทธิได้รับร่วมกับทายาท

- หากผู้ประกันตนไม่มีทายาท หรือไม่มีบุคคลที่ทำหนังสือระบุ จะให้สิทธิแก่พี่ น้อง ปู่ ย่า ตา ยาย ลุง ป้า น้า อา                                                     
  • กรณีลูกจ้างชั่วคราวของส่วนราชการ
ประโยชน์ทดแทนเดิม 
สิทธิประโยชน์ทดแทนใหม่ 
 คุ้มครองเฉพาะลูกจ้างชั่วคราวรายเดือน            
ขยายความคุ้มครองไปถึงลูกจ้างชั่วคราวทุกประเภทของส่วนราชการ
 
  • กรณีลูกจ้างของนายจ้างที่มีสำนักงานในประเทศ และไปประจำทำงานในต่างประเทศ
ประโยชน์ทดแทนเดิม 
สิทธิประโยชน์ทดแทนใหม่ 
 ไม่คุ้มครองลูกจ้างของนายจ้างที่มีสำนักงานในประเทศ และไปประจำทำงานในต่างประเทศ           
ขยายความคุ้มครองให้กับลูกจ้างของนายจ้างที่มีสำนักงานในประเทศ และไปประจำทำงานในต่างประเทศ       
  
  • ระยะเวลาการยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทน
ประโยชน์ทดแทนเดิม 
สิทธิประโยชน์ทดแทนใหม่ 
 ต้องยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนภายใน 1 ปี   
   ต้องยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนภายใน 2 ปี